สำหรับคนที่ำกำลังจะสร้างบ้านหรือมีบ้านอยู่แล้วแต่มีปัญหาเรื่องน้ำใช้ ภายในบ้าน สิ่งที่เราจะนึกถึงก็คืิอ ถังเก็บน้ำ นั่นเอง เอ...แล้ว ถังน้ำมีกี่แบบ แล้วเราจะเลือกถังน้ำแบบไหนดี เพราะมีให้เลือกหลายชนิด และมีหลายขนาดให้เลือกมากมาย ในท้องตลาด วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เรื่องของ ถัง ๆ มาฝากกันค่ะ ^-^
เรามาทำความรู้จักกับถังน้ำชนิดต่าง ๆ กันก่อนดีกว่า
1. ถังเก็บน้ำ ค.ส.ล. (ค.ส.ล. = คอนกรีตเสริมเหล็ก) เป็นถังที่มีความแข็งแรงทนทานสามารถสร้างได้ทั้งแบบอยู่บนดิน และใต้ดิน เป็นถังที่มีน้ำหนักมาก การก่อสร้างต้องระวังเรื่องการรั่วซึมเป็นพิเศษ ดังนั้น ต้องทำระบบกันซึมและต้องเลือกชนิดที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย สามารถสร้างได้ทั้งแบบสี่เหลี่ยมและวงกลม การออกแบบและติดตั้งควรปรึกษาวิศวกรด้วยนะคะ
2.ถังเก็บน้ำสแตนเลส เป็นถังน้ำสำเร็จรูปโดยใช้โลหะสแตนเลสที่ไม่เป็นสนิม สแตนเลสเกรด 304 (เกรดที่สูงที่สุด เกรดเดียวกับราวระเบียง ซึ่งสำหรับใช้ภายนอก ไม่มีการเกิดสนิม) มีความทนทานต่อการใช้งาน นิยมติดตั้ง เป็นถังน้ำบนดิน
3.ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส เป็นถังเก็บน้ำสำเร็จรูป ใช้วัสดุไฟเบอร์กลาสที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย มีน้ำหนักเบา รับแรงดันได้ดีและไม่เป็นพิษกับน้ำ สามารถติดตั้งได้ทั้งบนดินและใต้ดิน (รูปที่แนบมาเป็นรูปของถังบนดิน)
ถังน้ำพลาสติก |
Polymer Elixir |
Polymer Elixir |
ถังน้ำชนิดนี้ไม่มีสารพิษอันก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ตั้งกลางแดดได้ น้ำไม่ร้อน ไม่เป็นสนิม ไม่เป็นตะใคร่ ไม่กรอบแตก ใส่น้ำได้ทั้งน้ำปะปา น้ำฝน น้ำคลอง น้ำบาดาล โดยไม่มีผลต่อคุณภาพสินค้า หากแต่ถ้าเป็นน้ำคลอง หรือน้ำบาดาล อาจจะต้องล้างถังบ่อยกว่าน้ำปะปา เนื่องจากมีตะกอนดินไหลปะปนมากับน้ำ และเพื่อสุขอนามัยของน้ำดื่ม สามารถติดตั้งได้ทั้งบนดินและใต้ดิน
โดยที่ถังเก็บน้ำพลาสติก เป็นถังที่ทำจากโพลีแอททิลีน ราคาไม่แพง อายุการใช้งานสั้นกรอบแตกง่ายและมีปัญหาเรื่องสนิม ส่วนถังเก็บน้ำจากวัสดุเอลิเซอร์หรือถังโพลิเมอร์พลาสติกคุณภาพสูง เป็นนวัฒกรรมใหม่สำหรับถังเก็บน้ำบนดิน Elixir เป็น PE Compound (Poly ethylene Compound) มีคุณสมบัติ ทนแดด ไม่เป็นสนิม ไม่เป็นตะไคร่
สำหรับความแตกต่างระหว่างระหว่างถังทั้ง 4 ชนิดนี้เป็นอย่างไร สำหรับถัง ค.ส.ล. เราตัดออกไปเป็นอีกจำพวกหนึ่งเลย เพราะเราจะใช้ในงานเก็บน้ำขนาดใหญ่มีน้ำหนักมาก ไม่เหมาะกับถังเก็บน้ำสำหรับบ้านพักอาศัยอย่างเรา ๆ แน่นอน หากจะใช้ถังชนิดนี้ควรปรึกษาวิศวกรจะดีที่สุดนะคะ
ถังเก็บน้ำแสตนเลสเปรียบเทียบกับพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส จะขอเทียบเป็นข้อ ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจนะคะ
ถังเก็บน้ำแสตนเลส
1.ใช้กับน้ำสะอาดเท่านั้น ไม่ทนทานต่อน้ำกร่อย หรือน้ำบาดาน (กรด-ด่าง)
2.มีขาตั้ง และรูถ่ายน้ำที่ก้นถัง ซึ่งสะดวกในการล้างถัง
3.ผิวมันวาว หรูหรา สวยงาม
4.ระยะการประกันสินค้าสั้นกว่า (ประมาณ 5 ปี)
5.ราคาสูงกว่า
ถังเก็บน้ำพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส
1.ใช้ได้ทั้งน้ำสะอาด และน้ำกร่อย (กรด - ด่าง)
2.ไม่มีขาตั้ง(แทบทุกรุ่นที่จำหน่ายในท้องตลาด)
3.มีสีสรรมากมาย หลากหลายรูปทรง และพื้นผิว ลวดลายที่แตกต่าง
4.ระยะการประกันสินค้ายาวกว่า (ประมาณ 20 ปี)
5.ราคาถูกกว่าประมาณ 30%
สรุปถังชนิดไหนดีกว่ากัน??
จะเลือกใช้อันไหนนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับความชอบและกระเป๋าตังค์ของแต่ละคนค่ะ
เทคนิคการเลือกถังเก็บน้ำบนดิน
1.การเก็บน้ำ ตัวถังต้องเก็บน้ำได้ ไม่รั่วซึม โดยพิจารณาจากรอยต่อตัวถังหรือไม่มีรอยต่อตัวถังเนื่องจากบริเวณรอยต่อเหล่านี้มีโอกาสในการรั่วซึมได้
2.ความแข็งแรง ตัวถังต้องสามารถเก็บน้ำได้โดยไม่เสียรูปทรงและน้ำหนักของถังเปล่า ก่อนบรรจุน้ำต้องได้ตามมาตรฐาน เช่น ถังเก็บน้ำ 1000 ลิตร น้ำหนักถังประมาณ 30 กิโลกรัม (มาตรฐานการผลิตและการรับประกันสินค้า)
3.อายุการใช้งานของสินค้าและป้องกันการแตกกรอบ บวม และ การซีดของผลิตภัณฑ์ ดูได้จากอายุของการรับประกันสินค้าตลอดทั้งตัวถังและฝาถัง
4.คุณภาพของน้ำภายในถัง ปัจจุบันมีการผสมผสานการใส่สาร NANO SILVER ภายในถังเพื่อป้องกัน ยับยั้งและทำลาย แบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนมากับท่อน้ำและน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.ขนาดและปริมาณที่เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท
การเลือกขนาดของแท้งค์น้ำให้เหมาะสม
ขนาดของแท้งค์น้ำนั้นต้องสามารถสำรองน้ำไว้ใช้ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ใช้น้ำในบ้าน โดยเฉลี่ยแล้ว 1 คน จะใช้น้ำประมาณ 300 ลิตร/วัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมการใช้น้ำ เช่น การใช้อ่างอาบน้ำแทนการอาบน้ำแบบฝักบัว, ใช้ล้างรถ, ใช้รดน้ำต้นไม้ เพราะฉะนั้นในการเลือกขนาดของแท้งค์น้ำ จะขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้น้ำและความต้องการการสำรองน้ำ หรือในกรณีที่น้ำไม่ไหล (ควรดูด้วยว่าขนาดของพื้นที่ที่จะนำไปติดตั้งมีขนาดเท่าไหร่ จะติดตั้งแบบบนดินหรือใต้ดิน)
การคำนวณเพื่อเลือกขนาดของแท้งค์น้ำอย่างง่าย ๆ มีดังนี้
1. คำนวณจากปริมาณการใช้น้ำของแต่ละคน เช่น คนในบ้านมี 4 คน ปริมาณการใช้น้ำเท่ากับ 300 X 4 = 1,200 ลิตร/วัน และถ้าต้องการให้มีน้ำสำรองไว้ใช้ได้ 2 วัน ก็เลือกถังที่มีความจุมากกว่า 2,400 ลิตร
2. คำนวณจากปริมาณการใช้น้ำจริง ให้ดูจากบิลค่าน้ำประปา ในบิลจะมีช่องบอกถึงปริมาณการใช้น้ำ ซึ่งบอกเป็นลูกบาศก์เมตร จะต้องคูณด้วย 1,000 เพื่อให้เป็นจำนวนลิตร แล้วนำมาหารด้วย 30 จะเป็นค่าเฉลี่ยในการใช้น้ำต่อวัน ตัวอย่างเช่น บิลค่าน้ำประปาแจ้งว่าใช้ไป 35 ลูกบาศก์เมตร/เดือน เราจะทำการแปลงเป็นปริมาณการใช้น้ำต่อวัน คือ เอา 35 x 1,000 = 35,000 ลิตร/เดือน เอาไปหาร 30 เพื่อที่จะเป็นค่าเฉลี่ยต่อวัน 35,000/30 = 1166 ลิตร/วัน เราก็จะได้ค่าแฉลี่ยการใช้น้ำต่อวัน ซึ่งในความเป็นจริงเราควรจะเผื่อเอาไว้ด้วยอาจจะเป็นวันละ 1,200 ลิตร/วัน ก็ได้
ถังเก็บน้ำชนิดนี้มีการพัฒนาอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้น จำเป็นมากที่เราจะศึกษาก่อนซื้อในแต่ละครั้ง ข้อมูลที่เขียนมานี้เป็นข้อมูลกว้าง ๆ ให้พอที่จะเห็นในภาพรวมเท่านั้น นะคะ ^-^
http://www.homepro.co.th
http://unchain.exteen.com
http://vcharkarn.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น