ยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ใช้แพร่หลายมากที่สุดทั่วโลก เนื่องจากหาได้ง่าย ใช้ได้สะดวก มีหลายราคา หลายชนิดให้เลือกใช้ เอ...แล้่วยาคุมมีหลายชนิด แต่ละชนิดต่างกันอย่างไรนะ แล้วเราจะเลือกใช้อย่างไรดี หาคำตอบได้่ในบทความด้านในเลยจ้า ^ ^
ยาเม็ดคุมกำเนิด เหมาะในผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดชั่วคราว ระยะเวลาไม่กี่ปี (น้อยกว่า 5 ปี) มีการวางแผนต้องการบุตรเพิ่มอีกในอนาคต ไม่มีข้อห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด และสามารถรับประทานยาได้ตามเวลาทุกวัน
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined pill) ประกอบด้วยตัวยาฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีโปรเจสตินอย่างเดียว (Minipill)
- ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Postcoital pill)
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เป็นชนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดี
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว ควรใช้ในสตรีที่ให้นมบุตร และสตรีที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
- ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรใช้เฉพาะเวลาฉุกเฉิน เนื่องจากมีผลข้างเคียงมาก และอัตราการล้มเหลว (การตั้งครรภ์) สูง
- ความต้องการของผู้มารับบริการคุมกำเนิด
- พิจารณาว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
- อาการต่าง ๆ ที่เกิดร่วมของผู้มารับบริการ เช่น มีอาการในกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน มีสิวมาก ผิวมัน ขนดก จากนั้นสังเกตดูรูปร่างของผู้มารับบริการ (รูปร่าง อาจสัมพันธ์กับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นจากยาคุมกำเนิด) และประวัติของการมีประจำเดือน ได้แก่
- สตรีที่มีประจำเดือนปริมาณมาก และนาน รอบประจำเดือนสั้น ไม่มีสิว หรือขนตามตัว มักเลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินสูง
- สตรีที่มีปริมาณประจำเดือนมาน้อย รอบประจำเดือนยาว ลักษณะคล้ายเพศชาย มีสิวขนดก ผิวมัน มักเลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง
- สตรีที่มีระดู/ประจำเดือนสม่ำเสมอ ปริมาณปานกลาง น้ำหนักตัวปกติ มักใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีความสมดุลกันทั้ง 2 ฮอร์โมน
ควรดูแลตนเองเมื่อใช้ยาคุมกำเนิดอย่างไร ?
- ควรรับประทานยาในเวลาเดิมทุกวัน หากลืมรับประทานให้ทำตามคำแนะนำข้างต้น
- จดบันทึกประจำเดือนทุกครั้ง
- หากประจำเดือนขาด 1 ครั้ง ร่วมกับมีประวัติลืมรับประทานยา ควรทดสอบการตั้งครรภ์
- หากประจำเดือนขาด 2 ครั้งแม้จะไม่ลืมรับประทานยา ก็ควรต้องทดสอบการตั้งครรภ์
- ถ้ามีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาเจียนมาก ถ่ายเหลว/ท้องเสีย อาจต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วยเป็นเวลา 7 วันหลังกินยาเม็ดแรก
- ควรมีการตรวจภายในร่วมกับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก (การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งเต้านม และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่) ทุก 1-2 ปี
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีฝ้าขึ้นที่ใบหน้า ปวดศีรษะ มีเลือดออกทางช่องคลอดมากควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเปลี่ยนชนิดยาคุมกำเนิด หรือเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด
- หากมีอาการผิดปกติรุนแรง เช่น ปวดศีรษะมาก ตาพร่ามัว เจ็บแน่นหน้าอก ปวดบริเวณน่องมาก ควรหยุดใช้ยาทันทีและรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการของลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดต่าง ๆ
- หากต้องได้รับการผ่าตัดทุกชนิด ควรแจ้งแพทย์ว่ากำลังรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด เนื่องจากยาเม็ดคุมกำเนิดมีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
- เนื่องจากยาเม็ดคุมกำเนิดมีฮอร์โมนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ดังนั้น ระหว่างที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดจึงไม่ควรสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่เป็นการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
1.ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
แผงยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมี 2 แบบ คือ
- ชนิด 21 เม็ด ประกอบด้วย ฮอร์โมนทั้ง 21 เม็ด
- ชนิด 28 เม็ด ประกอบด้วย ฮอร์โมน 21 เม็ด และเม็ดแป้งหรือวิตามินอีก 7 เม็ด
การเริ่มรับประทานยาครั้งแรกควรเริ่มในวันที่ 1-5 ของการมีประจำเดือน มีผลในการคุมกำเนิดได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย และยังลดการเกิดเลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างรอบเดือน
การเริ่มรับประทานยาหลัง 5 วันแรกของประจำเดือนสามารถทำได้ แต่ต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย เช่น ถุงยางอนามัย อย่างน้อย 7 วันหลังกินยาเม็ดแรก โดยรับประทานยาคุมกำเนิดวันละ 1 เม็ดในเวลาเดิมทุก ๆ วัน แนะนำให้รับประทานก่อนนอน เพื่อป้องกันการลืม จากนั้นรับประทานเม็ดยาไล่ตามลูกศรจนหมดแผง ในกรณีที่เป็นแผงชนิด 28 เม็ด เมื่อหมดแผงสามารถเริ่มแผงใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมด ส่วนกรณีแผงชนิด 21 เม็ดให้เว้นระยะ 7 วัน จึงเริ่มแผงใหม่
ถ้าลืมรับประทาน ควรทำอย่างไร ?
- ถ้าลืมรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม 1 เม็ด ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ และรับประทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ
- ถ้าลืมรับประทานยา 2 เม็ด ให้รับประทาน 1 เม็ดทันทีที่นึกได้และรับประทานก่อนนอนตามปกติ วันต่อมาให้รับประทานยา 1 เม็ดหลังอาหารเช้า จากนั้นรับประทานตามปกติ
- ถ้าลืมรับประทานยา 3 เม็ด ให้ทิ้งยาแผงเดิม แล้วเริ่มรับประทานแผงใหม่ทันที ร่วมกับใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วยอีก 7 วัน
- กรณีที่ลืมรับประทานยาเม็ดที่เป็นเม็ดแป้งหรือวิตามินในแผงยาคุม 28 เม็ดให้ข้ามยาเม็ดนั้น แล้วเริ่มรับประทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสติน
ฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว |
มีกลไกการออกฤทธิ์ คือ ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกข้นเหนียว รวมทั้งทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน
ข้อดีของยา คือ สามารถใช้ในสตรีให้นมบุตรได้ โดยไม่มีผลต่อปริมาณและคุณภาพของน้ำนม และสามารถใช้ในผู้ที่มีข้อห้ามใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ข้อเสียของยา คือ มีอัตราการล้มเหลว/การตั้งครรภ์ขณะใช้ยาสูงกว่าชนิดฮอร์โมนรวม ต้องรับประทานให้ตรงเวลา
ชื่อการค้าที่ได้ยินกัน เช่น เอ็กซ์ลูตอน
รับประทานอย่างไร ?
การเริ่มรับประทานยา ให้เริ่มรับประทานในวันแรกของการมีประจำเดือน โดยรับประทานยาวันละ 1 เม็ด ในเวลาเดิมทุกวัน ควรใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วยใน 7 วันแรกหลังกินยาเม็ดแรก เมื่อยาคุมกำเนิดหมดแผงให้เริ่มรับประทานยาแผงใหม่ต่อในวันถัดไป โดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนมา
ถ้าลืมรับประทาน ควรทำอย่างไร ?
- ถ้าลืมรับประทานยา 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ และรับประทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ ร่วมกับใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วยเป็นเวลา 48 ชม.หลังกินยาเม็ดแรก
- ถ้าลืมรับประทานยา 2 เม็ดติดต่อกัน ให้รับประทานยาวันละ 2 เม็ดเป็นเวลา 2 วัน โดยใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วยอย่างน้อย 2 วันหลังกินยา เม็ดแรก
- ถ้าลืมรับประทานยามากกว่า 2 วันติดต่อกัน ให้หยุดยาเม็ดคุมกำเนิดจากนั้นให้ใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น
3.ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน
ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินในขนาดสูง
ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน |
มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ ในกรณีที่ถูกข่มขืน หรือลืมคุมกำเนิดหรือคุมกำเนิดล้มเหลว เช่น การฉีกขาดของถุงยางอนามัย แต่เนื่องด้วยมีปริมาณของฮอร์โมนสูง ทำให้ไม่เหมาะสมในการใช้เป็นยาคุมกำเนิดทั่วไป เพราะมีผลข้างเคียงสูง (เช่น การมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ) มีอัตราการล้มเหลว/การตั้งครรภ์สูงกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไป
ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยมีชื่อทางการค้าว่า
โพสตินอร์, มาดอนน่า (ชื่อสามัญทางยา Levonorgestrel)
โพสตินอร์, มาดอนน่า (ชื่อสามัญทางยา Levonorgestrel)
รับประทานอย่างไร ?
การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อรับประทานยาทั้งหมดรวม 2 เม็ด โดย 1 เม็ดแรก รับประทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ทั้งนี้ไม่ควรเกิน 72-120 ชม.หลังมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นรับประทานยาอีก 1 เม็ดอีก 12 ชม.ถัดมา
อาการข้างเคียงที่พบบ่อย คือ การมีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย
หากประจำเดือนขาดหลังใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรทดสอบการตั้งครรภ์เนื่องจากมีอัตราการล้มเหลว/การตั้งครรภ์ สูงกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดทั่วไป
Thank; http://haamor.comhttp://pharmacafe.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น