1. ติดตั้งระบบสายดิน
เครื่องใช้ไฟฟ้ามีโครงสร้างที่เป็นโลหะ หากฉนวนของสายไฟภายในมีการเสื่อมสภาพและฉีกขาด จะทำให้สายไฟไปสัมผัสกับโลหะ เกิดกระแสไฟรั่ว หากมีผู้ใช้งานในขณะนั้น กระแสไฟจะไหลผ่านตัวผู้ใช้งานลงสู่ดินซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก การต่อสายดินให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าจึงเป็นการป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วไหลจากตัวเครืองใช้ไฟฟ้า ให้ไหลลงดินโดยผ่านสายดินที่ต่อไว้แทน ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีสายดินต่อไว้อยู่แล้ว คือ ปลั๊กไฟจะมี 3 ขา แล้วต้องต่อกับเต้าเสียบที่มีสายดินพร้อมอยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งาน
2. ใช้ฉนวนป้องกันไฟฟ้า
ผู้ใช้งานควรหมั่นตรวจสอบสภาพฉนวนที่หุ้มสายไฟหรือหุ้มสายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
ว่ามีการแตกหักชำรุด หรือปริขาดหรือไม่ โดยเฉพาะตรงขั้วต่ออุปกรณ์
เพื่อป้องกันการเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหล และควรใช้งานอย่างรอบคอบและเอาใจใส่
เพื่อไม่ให้เกิดการชำรุด เช่น ไม่ควรวางสายไฟไว้บริเวณที่มีการเหยียบไปเหยียบมา
หรือมีของหนักวางทับ ไม่ควรดึงหรือกระชากสายไฟ หากพบการชำรุด
ต้องรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที
3. ใช้สวิตซ์ตัดวงจรอัตโนมัติ
ทุกๆบ้านควรติดตั้งสวิตซ์ตัดวงจรอัตโนมัติเอาไว้
เพื่อสามารถตัดวงจรไฟฟ้าได้ทันทีที่มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล
ก่อนที่จะมีผู้ได้รับอันตราย ปกติแล้ววงจรไฟฟ้าจะมีกระแสไฟฟ้าไหล 2 สายเท่ากัน หากเกิดกระแสรั่วไหล
จะทำให้กระแสไฟฟ้าไหล 2 เส้นไม่เท่ากัน โดยอุปกรณ์ตัวนี้จะตรวจสอบการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า
และส่งสัญญาณไปที่สวิตซ์อัตโนมัติเพื่อตัดวงจรทันที
จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก
ขอขอบคุณที่มา : http://www.homedec.in.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น