เว็บหนัง พร้อมสาระและความบันเทิงครบครัน
เว็บที่ให้ได้ มากกว่าที่คุณคิด
เว็บอาจโดนบล็อค โปรดกด Like Fanpage เพื่อติดตามที่อยู่เว็บ
ขณะนี้เว็บกำลังปรับปรุง ขออภัยท่านผู้เข้าชม ในความไม่เป็นระเบียบของรูปแบบเว็บด้วยนะคะ ^ ^

ค้นหาส่ิ่งที่คุณสนใจได้เลยจ้า

เพลงแนะนำ ตามกระแส


วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

หูดหงอนไก่...เป็นอย่างไร

เรื่องที่นำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้เป็นบทความที่ดูจะเป็นทางวิชาการไปสักนิด และภาพไม่น่าพึงประสงค์สักเท่าไหร่ แต่เป็นบทความที่น่าสนใจทีเดียว เป็นบทความของ อ.พญ.เจนจิต  ฉายะจินดา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่กล่าวถึงเรื่องหูดหงอนไก่  ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ยังคงพบได้มาก ในปัจจุบันถึงแม้จะมีการรณรงค์การป้องกันดี  อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลักษณะนิสัยของไวรัสต้นเหตุที่เรียกว่าฮิวแมน แปปิโลมาไวรัส (เอชพีวี)ที่ถ่ายทอดถึงกันได้ง่ายโดยผู้ที่ให้เชื้ออาจจะไม่มีอาการอะไรเลย และผู้รับเชื้ออาจได้รับเชื้อนั้นมานานหลายปีกว่าจะเกิดอาการ   ในปัจจุบันพบว่าหญิงชายวัยเจริญพันธุ์ร้อยละ 1 มีหูดหงอนไก่  โดยจะพบรอยโรคในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย   หูดหงอนไก่ไม่ได้ทำให้ใครเสียชีวิตแต่ทำลายความมั่นใจในชีวิตอย่างมาก รวมทั้งต้องเสียเงินและเวลาในการรักษามากมายและสุดท้ายยังพบว่าร้อยละ 30- 70 เกิดซ้ำหลังจากหยุดการรักษาไป 6 เดือน  เรื่องของหูดหงอนไก่เป็นอย่างไร ติดตามต่อด้านในได้เลยค่ะ

หูดหงอนไก่เกิดจากอะไร
        หูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีชนิดความเสี่ยงต่ำ  ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสเอชพีวีกว่า 200 สายพันธุ์  แต่มีเพียง 40 สายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก  แบ่งเพิ่มเติมลงไปอีกเป็นชนิดความเสี่ยงสูงซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง  ได้แก่ สายพันธุ์ 16, 18 เป็นต้น  และชนิดความเสี่ยงต่ำซึ่งไม่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง ได้แก่ 6, 11 เป็นต้น  ในกลุ่มหลังนี้สัมพันธ์กับการเกิดหูดหงอนไก่
         ไม่ใช่ทุกคนที่ติดเชื้อเอชพีวีจะต้องเป็นโรคใดโรคหนึ่ง  พบว่าร้อยละ 75 ของหญิงชายวัยเจริญพันธุ์ได้รับเชื้อนี้ไปแล้ว  แต่ประมาณร้อยละ 80-90  จะสามารถกำจัดเชื้อไปได้เองที่ 2 ปี   ยกเว้นผู้ที่มีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ เช่น การตั้งครรภ์  โรคเอดส์ เป็นต้น  จะเห็นได้ว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เกิดรอยโรคได้  อย่างไรก็ดีผู้ที่ไม่มีอาการใดเลยก็สามารถถ่ายทอดเชื้อไปให้ผู้อื่นได้
         ตั้งแต่รับเชื้อมาจนเกิดอาการเป็นได้ตั้งแต่ 1 เดือน 2 ปี หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 เดือน  เชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปรบกวนการแบ่งตัวของเซลล์ชั้นล่างสุดของเยื่อบุ ซึ่งมีการแบ่งตัวตลอดเวลาเพื่อซ่อมแซมชั้นที่เหนือขึ้นไป  เมื่อมีการติดเชื้อไวรัส  เซลล์ที่แบ่งตัวจะเปลี่ยนรูปร่างและหน้าที่จนควบคุมไม่ได้  เกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมา
อะไรคือลักษณะของหูดหงอนไก่
         อาการของโรคหูดหงอนไก่เป็นได้ตั้งแต่ไม่มีอาการเลย ไปจนถึงมีก้อนโตมากจนอุดกั้นช่องคลอด  ทวารหนักหรือท่อปัสสาวะ  บางรายมีเลือดออกจากก้อน  คันถึงคันมาก  ตกขาวผิดปกติหรือแม้แต่แสบร้อนที่อวัยวะเพศ
         การวินิจฉัยมักทำได้โดยการดูรอยโรค  ซึ่งเป็น 4 แบบ  ได้แก่ นูนยื่นออกมาคล้ายดอกกะหล่ำปลี,  ตุ่มนูนเล็กๆ  แห้งๆ คล้ายมีขี้ไคลคลุม, ตุ่มนูนแบน, และ ตุ่มนูนเล็กสีเนื้อชุ่มชื้น   บางคนมีหลายชนิดปนกันได้  หูดอาจมีขนาดแตกต่างกันเรียงตัวติดกันหรือกระจายไปทั่ว  อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ของผู้ที่ติดเชื้อเอชพีวีกลับไม่พบว่ามีรอยโรคเลย 
         รอยโรคที่หลากหลายนี้ทำให้เกิดความสับสนกับโรคอื่นๆ ได้ ได้แก่ ผื่นของโรคซิฟิลิสระยะที่ 2  หูดข้าวสุก  ไฝ  โรคผิวหนังบางชนิด  จนถึงลักษณะปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ของบางคนที่มีติ่งยื่นออกมาคล้ายหูดหงอนไก่
การรักษาโรคหูดหงอนไก่
          เป้าหมายของการรักษาคือ ความสวยงาม  บรรเทาอาการ  และลดความกังวลใจ  วิธีการรักษามีให้เลือกหลายรูปแบบทั้ง การใช้ยาหรือการใช้อุปกรณ์เพื่อกำจัดหูดออกไป  แพทย์เป็นผู้ทำให้หรือผู้ป่วยทำเอง  ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกวิธีการรักษา ได้แก่ ความชอบของผู้ป่วย  ราคา  ผลข้างเคียงของการรักษา  และประสบการณ์ของแพทย์  โดยทั่วไปหูดที่มีขนาดเล็กกว่าย่อมรักษาได้ง่ายกว่า  โดยพบว่าถ้าขนาดเล็กกว่า 1 ตารางเซนติเมตรมักรักษาด้วยยาสำเร็จ  ประสิทธิภาพของวิธีการรักษาแตกต่างกันไปและมีโอกาสเกิดซ้ำขึ้นได้อีกทุกวิธี  โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรกหลังสิ้นสุดการรักษา
          การรักษาด้วยยาชนิดที่แพทย์ทาให้  โดยแพทย์มักจะนัดทุก 1 สัปดาห์  โดยก่อนทายาทุกครั้งผู้ป่วยควรปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเสมอเพราะหลังจากทายาแล้วไม่ควรให้รอยทายาโดนน้ำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง  ยามีหลายชนิดให้เลือกใช้  ชนิดแรก คือ โพโดฟีโลทอกซิน (Podophylotoxin) เป็นสารสีเหลืองน้ำตาล  ลักษณะเหนียว  ทำให้เซลล์ตายโดยยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์  ยานี้อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง เป็นแผล และปวด  หากเข้าสู่กระแสเลือดอาจทำให้เส้นประสาทอักเสบ ชาตามตัว เม็ดเลือดขาวต่ำ และเกล็ดเลือดต่ำ  ยาทาชนิดที่ 2 คือ ไตรคลอโรเซติก    แอซิด (80-90% Trichloroacetic acid; TCA)  ออกฤทธิ์โดยทำให้โปรตีนในเซลล์เสื่อมสภาพเป็นเซลล์ตาย  หูดที่มีก้านมักหลุดออกไปภายใน 2-3 วัน  ทำให้เกิดผิวหนังระคายเคือง เป็นแผลเลือดออกได้
          ยาที่ให้ผู้ป่วยทาเองในปัจจุบันมี 2 ชนิด ได้แก่ อิมิควิโมด (5% Imiquimod/ Aldara®) ทา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ไม่เกิน 16 สัปดาห์   ยานี้จะกระตุ้นภูมิต้านทานเฉพาะที่   ให้ร่างกายกำจัดไวรัสเอชพีวีด้วยตัวเอง  ข้อเสียคืออาจทำให้เกิดผื่นแดงเฉพาะที่   และโพโดฟิลอก (Podofilox 0.5%)   เป็นยาที่ยับยั้งการแบ่งเซลล์  วิธีการใช้คือทาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน แล้วเว้น 4 วัน  แต่ไม่เกิน 4 รอบ  อาจทำให้เกิดระคายเคืองเล็กน้อย   ก่อนทายาเองทุกครั้งผู้ป่วยควรปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเสมอเพราะหลังจากทายาแล้วไม่ควรให้รอยทายาโดนน้ำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง  
หูดหงอนไก่นำไปสู่อะไรได้บ้าง
       หูดหงอนไก่ไม่ทำให้เกิดมะเร็ง  แต่ธรรมชาติของการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีอาจติดเชื้อได้หลายสายพันธุ์พร้อมกัน  หากติดสายพันธุ์ชนิดความเสี่ยงสูงร่วมด้วยก็มีโอกาสที่จะเกิดมะเร็งขึ้น  หูดหงอนไก่ที่ใหญ่ในระหว่างการตั้งครรภ์อาจขัดขวางการคลอดจนต้องผ่าตัดคลอดได้  และหูดหงอนไก่ยังสามารถเกิดที่คอหอย หลอดลม หรือเส้นเสียงของทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นโรคนี้  ทำให้มีผลต่อการหายของทารกจนอาจเสียชีวิตได้  การรักษามักต้องผ่าตัดออกซึ่งมักต้องทำหลายครั้ง  สร้างความทุกข์ทรมานมาก
การเกิดซ้ำของหูดหงอนไก่
            เกิดได้บ่อยถึงร้อยละ 70  ที่ระยะเวลา 6 เดือนหลังสิ้นสุดการรักษา  สาเหตุเป็นได้ตั้งแต่ยาไม่มีประสิทธิภาพ  หรือมีการติดเชื้อซ้ำจากคู่นอนหรือการเกิดรอยโรคจากเชื้อในร่างกายตนเองที่เพิ่งก่อให้เกิดรอยโรค
หูดหงอนไก่สามารถป้องกันได้หรือไม่
   จะเห็นได้ว่าไม่มีการรักษาวิธีใดดีที่สุดหรือสามารถรับประกันได้ว่าโรคนี้จะหายขาดได้  รวมถึงคู่ชีวิตของผู้ป่วยก็มักจะติดเชื้อเอชพีวีไปเรียบร้อยแล้ว  วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์กับใครเลยตลอดชีวิต   การสัมผัสอย่างรุนแรงที่อวัยวะเพศภายนอกด้วยวัตถุหรืออวัยวะที่มีเชื้อไวรัสเอชพีวีนี้ก็ยังคงสามารถทำให้เกิดโรคนี้ได้
      ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ที่สามารถลดการถ่ายทอดโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้หลายชนิด ตั้งแต่เอดส์ หนองใน หนองในเทียม พยาธิในช่องคลอด เป็นต้น  แต่ไม่สามารถลดการถ่ายทอดเชื้อไวรัสเอชพีวีได้ดีเพราะเชื้อนี้สามารถกระจายอยู่ได้ทั่วไป ตั้งแต่รอบทวารหนัก ฝีเย็บ หัวเหน่า เป็นต้น  ซึ่งเป็นบริเวณที่ถุงยางอนามัยไม่ครอบคลุมถึง
  ปัจจุบันมีการคิดค้นวัคซีนที่สามารถลดการเกิดโรคหูดหงอนไก่ได้  หากได้รับการฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน  จากหลักการที่ว่าร้อยละ 90 ของหูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ 6 และ 11  การผลิตวัคซีนได้ใช้ส่วนเปลือกของไวรัสส่วนเล็กๆ มาผสมกับสารกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกาย  เมื่อฉีดแล้วร่างกายจะจะมีการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาในระดับที่สูงมาก  จนสามารถลดการติดเชื้อของไวรัสที่เซลล์ของเยื่อบุได้  ดังนั้น การแบ่งตัวของเซลล์ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่เกิดเป็นตุ่มนูนขึ้นมา  อย่างไรก็ตาม วัคซีนนี้จะมาในรูปร่วมกับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในเข็มเดียวกัน  ไม่มีการทำวัคซีนแยกออกมา  เป็นวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ 6, 11, 16, และ 18
ขอขอบคุณที่มา: http://www.si.mahidol.ac.th

4 ความคิดเห็น:

  1. รักษาหูดหงอนไก่ โดย Aldara Cream

    ตามนี้เลยนะจ๊ะ http://aldara8888.blogspot.com/

    ตอบลบ
  2. แนะสมุนไพรรักษาหูดหงอนไก่หายขาดจริง100%ผมเป็นมา2ปีรักษาหมอหมดไปเป็นหมื่นบาทไปจี้ครั้งละ1250บาท3สัปดาไปจี้ที6ครั้งทายายุบก็ขึ้นอีกมาลองทานสมุนไพรตัวนี้30วันหายขาดมาปีกว่าแล้วแนะนำคนอื่นอีก37คนหายทุกคน มีข้อมูลจริง ปรึกษาได้ตลอด 0910272191 line yizshok

    ตอบลบ

  3. แนะนำทางเลือกใหม่
    สมุนไพรพลูคาวสกัดสด 100% จากพืชพลูคาว
    ทำลายยับยั้งเชื้อ (Hiv เอดส์) หูดหงอนไก่ สเก็ดเงิน ริดสีดวง มะเร็ง เบาหวาน ไต ไทรอย ไวรัสตับอักเสบบี อัมพฤกษ์ อัมพาต หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ภูมิแพ้ ตกขาว

    คนที่ใช้แล้วต้องบอกต่อทานแล้วอาการดีขึ้นจริง สำหรับท่านใดสนใจหรือต้องการสอบถาม
    สอบถามเพิ่มเติมที่ tel. 0959279523 ID line. Aofaudio0502

    ตอบลบ
  4. แนะนำทางเลือกใหม่ สมุนไพรพลูคาว 100%
    ยับยั้งทำลายเชื้อไวรัส และเซ็ลล์มะเร็ง เชื้อ Hiv หูดหงอนไก่ สเก็ดเงิน ริดสีดวง เบาหวาน ไต ไทรอย ไวรัสตับอักเสบบี อัมพฤกษ์ อัมพาต หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ภูมิแพ้สอบถามเพิ่มเติม tel. 0959279523 ID line. Aofaudio0502
    สอบถามผ่านไลน์ก่อนได้ครับ อย่ามัวแต่อายครับสอบถามมาก่อนได้

    ตอบลบ