เบาหวานคืออะไร
เบาหวานเป็นโรคที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดจากความผิดปกติที่ตับอ่อนทำให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลินลดลง หรือมีฮอร์โมนอินซูลินแต่ออกฤทธิ์ไม่ได้ตามปกติที่เรียกว่ามี “ภาวะดื้อต่ออินซูลิน” หรือมีความผิดปกติทั้งสองอย่างร่วมกัน
เมื่อไรจึงจะถือว่าเป็นโรคเบาหวาน
ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดในเวลาเช้าหลังอดอาหารข้ามคืนมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (Fasting plasma glucose, FPG) จะเป็นตัวบอกว่าท่านเป็นโรคเบาหวานแล้วหรือยัง
ระดับน้ำตาลในเลือด (FPG) มิลลิกรัม/เดซิลิตร
คนปกติ :70 – 99
ผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน(Impaired fasting glucose, IFG ):100 – 125
เบาหวาน : มากกว่าหรือเท่ากับ 126
หมายเหตุ - ถ้าไม่มีอาการของโรคเบาหวานได้แก่ ปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ำมาก หิวบ่อย เป็นต้น ควรได้รับการจรวจเลือดอีกหนึ่งครั้งในวันอื่น หากพบค่าผิดปกติ 2 ค่า จึงจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน
การรักษาโรคเบาหวานทำอย่างไร
การรักษาโรคเบาหวานประกอบด้วย การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การรักษาด้วยยาและการได้รับความรู้โรคเบาหวาน
เมื่อไรจึงจะถือว่าควบคุมโรคเบาหวานได้ดี: การควบคุมโรคเบาหวานประกอบด้วย
• การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
• การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
• การควบคุมความดันโลหิต
• การควบคุมระดับไขมันในเลือด
• งดสูบบุหรี่
เกณฑ์การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ระดับน้ำตาลในเลือดเวลาเช้าหลังอดอาหารมาอย่างน้อย8ชั่วโมง 70-130 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร 2 ชั่วโมง ควรน้อยกว่า 180 มิลลิกรัม/ เดซิลิตร
ระดับน้ำตาลสะสมเฉลี่ย (HbA1c) ควรน้อยกว่า 7 %
การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index, BMI) เป็นค่าที่คำนวณจากน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรสองครั้งจะบอกถึงน้ำหนักตัวที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
ดัชนีมวลกาย (กิโลกรัม / ตารางเมตร)
คนปกติ 18.5 – 22.9
ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน มากกว่าหรือเท่ากับ 23 – 24.9
อ้วน มากกว่าหรือเท่ากับ 25
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและมีภาวะน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนจะทำให้มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน คือ อินซูลิน ออกฤทธิ์ไม่ได้ตามปกติ หลังจากที่ลดน้ำหนักตัวลงอินซูลินในร่างกายจะออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
การควบคุมความดันโลหิต
ผู้ที่เพิ่งทราบว่าเป็นโรคเบาหวานพบว่ามีความดันโลหิตสูงร่วมด้วยได้ถึงร้อยละ 30–40 การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ คือค่าความดันโลหิตตัวบนควรมีค่าต่ำกว่า 130 มิลลิเมตรปรอท และค่าความดันโลหิตตัวล่างควรมีค่าต่ำกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท จะช่วยทำให้การทำงานของไตดีขึ้น
การควบคุมระดับไขมันในเลือด
ผู้เป็นโรคเบาหวานจะมีความผิดปกติของไขมันคือ ไตรกลีเซอไรด์สูง ไขมันไม่ดี (แอลดีแอลโคเลสเตอรอล)สูง ไขมันดี (เอชดีแอล โคเลสเตอรอล) ต่ำ ทำให้เพิ่มความสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายได้
การควบคุมระดับไขมันในเลือดในผู้เป็นโรคเบาหวานจึงเป็นส่งที่ควรทำให้ได้ตามเกณฑ์ดังนี้
1.ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ น้อยกว่า 150 มิลลิกรัม / เดซิลิตร
2.ระดับไขมันไม่ดี (แอลดีแอล โคเลสเตอรอล) น้อยกว่า 100 มิลลิกรัม / เดซิลิตร (น้อยกว่า 70*ในผู้ที่โรคหัวใจ ร่วมด้วย )
3.ระดับไขมันดี (เอชดีแอล โคเลสเตอรอล) สูงกว่า 40 (ผู้ชาย) มิลลิกรัม / เดซิลิตร , สูงกว่า 50 (ผู้หญิง) มิลลิกรัม / เดซิลิตร
งดสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดแดงหดตัวและเกิดหลอดเลือดแดงตีนตันได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ผู้เป็นโรค เบาหวาน จึงควรงดสูบบุหรี่
สรุป
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรดูแลตนเองในด้านการควบคุมอาหาร ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานยาตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ และควบคุมโรคเบาหวานเป็นอย่างดีให้ได้ตามเกณฑ์ที่แนะนำเป็นประจำ “ท่านจะมีชีวิตที่เป็นสุขกับโรคเบาหวาน”
ขอขอบคุณที่มา :http://www.diabassocthai.org/index.php?option=com_content&view=article&id=30%3A2011-02-22-14-26-02&catid=5%3A2011-01-25-09-12-47&Itemid=6&lang=en
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น